III ประกาศดัน ANI เข้าตลาดฯ ปลายปีนี้เชื่อมจิ๊กซอว์ผงาดโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคทั้งทางอากาศ-เรือ-ราง

บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) ปักหมุดแตกธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน โดยกลุ่ม ANI จะเข้าระดมทุนในไตรมาส 4/2565 พร้อมจับมือพันธมิตรใหญ่ในลาว เตรียมปูพรมบริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟสายจีน-สปป.ลาว ประกาศสิ้นปีนี้ก้าวสู่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ครอบคลุมทั้งทางอากาศ เรือ และราง

          นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ปีนี้เห็นสัญญาณการเติบโตของธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรก จากการที่หลายประเทศทั้งภูมิภาคยุโรป และเอเชีย เริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ แนวโน้มปริมาณเที่ยวบินขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 นี้ ทำให้บริษัทฯ มีอุปทานของพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าทางอากาศให้บริการแก่ลูกค้ามากขึ้น นับเป็นปัจจัยบวกต่อแผนการแตกธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน เพื่อนำเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

          โดยไตรมาส 4 ปีนี้ เตรียมนำบริษัทร่วมทุน “บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (ANI)” เข้าระดมทุน สานเป้าหมายของทริพเพิลไอ ในการก้าวเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค เนื่องจากปัจจุบัน ANI เป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินไม่ต่ำกว่า 20 สายการบินทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยครอบคลุมประเทศไทย เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า และกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานการผลิต และการกระจายสินค้าในระดับนานาชาติ

          “ผลประกอบการของ บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ ในไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวม 744.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.73 ล้านบาท เติบโตกว่า 45.5%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เป็นตัวเลขที่เราค่อนข้างพอใจ เพราะโดยทั่วไปของธุรกิจนี้ แม้ในไตรมาสแรกจะมีปัจจัยภายนอกกระทบ ทั้งเป็นช่วงที่มีความต้องการขนส่งสินค้าน้อยสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นของปี รวมถึงการมีวันหยุดยาว อีกทั้งเมื่อเดือนมีนาคม ยังมีการล็อคดาวน์ของจีน ซึ่งกระทบเราที่มีธุรกิจในเอเชียและจีนมาก แต่เรายังสามารถสร้างการเติบโตได้ และเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปกติเป็นช่วงพีคสุดของปี ตัวเลขการเติบโตต่างกันเพียง 1%” นายทิพย์กล่าว

          ทั้งนี้การเติบโตในไตรมาสแรก เป็นผลจากการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่มาจากการเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับโลจิสติกส์ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรอย่างโดดเด่น จากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ขณะที่ยังรักษาระดับการทำกำไรจากธุรกิจหลักในกลุ่มบริหารจัดการโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ

          โดยนายทิพย์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ธุรกิจดังกล่าวจะยังสามารถเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศ ที่บริษัทฯ ได้ให้บริการเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ลูกค้า จากสถานการณ์ตู้ขนส่งสินค้าขาดแคลน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเน้นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้แก่ สินค้ากลุ่มอาหาร ผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์

          ทางด้านกลยุทธ์การเติบโตในไตรมาส 2/2565 สำหรับกลุ่มธุรกิจหลัก บริษัทฯ ได้ขยายการให้บริการขนส่งทางราง โดยวางภาพไว้ครอบคลุมทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ โดยในส่วนของการขนส่งในประเทศ เริ่มทดลองให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 นี้ ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม นำร่องจากเส้นทางลาดกระบัง-ราชบุรี จำนวน 3 เที่ยวต่อสัปดาห์ และเตรียมแผนขยายบริการไปยังเส้นทางอื่นๆ ที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น

          ล่าสุด บริษัทฯ มีความร่วมมือกับบริษัท Sitthi Logistics Laos Co., Ltd. (“Sitthi”) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคลังสินค้าครบวงจรชั้นนำในประเทศลาว เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจการเป็นตัวแทนให้บริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 65 อีกทั้งถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับเป้าหมายหลัก ในการให้บริการขนส่งทางรางระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว

          “ภายในสิ้นปีนี้บริษัทฯ จะสามารถผลักดันเป้าหมาย การก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค ที่ครอบคลุมทั้งระบบการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศ ทางเรือ และทางราง ผ่านการขยายการลงทุนและความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร” นายทิพย์กล่าว

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในธุรกิจจุดรับส่งพัสดุ (Drop-off) โดยการขายหุ้นบริษัท เอ.ที.พี.เฟรนด์ เซอร์วิส จํากัด (Shipsmile) 43% ให้กับบริษัท สบาย สปีด จำกัด (SBS) ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง และภายหลังการปรับโครงสร้าง ทริพเพิลไอ จะเข้าถือหุ้น SBS ในสัดส่วน 18% ทั้งนี้ SBS จะเป็นผู้ดําเนินธุรกิจการให้บริการจุดรับส่งพัสดุ

และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร เพิ่มบริการอื่นๆ นอกจากการเป็นจุดรับส่งพัสดุ ได้แก่ บริการขายประกันขนส่ง ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ บริการต่อ พรบ. บริการรับชำระค่าสาธารณูปโภคและค่าโทรศัพท์ เป็นต้น  ปัจจุบันกลุ่มมีสาขาที่ให้บริการรวม Shipsmile แล้วมากกว่า 12,000 สาขา

          “ถือเป็นการรวมจุดแข็งของธุรกิจ Delivery และ Logistics สร้างระบบอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์ เพราะในธุรกิจนี้ การมีจำนวนสาขามากจัดเป็นข้อได้เปรียบของ Express Shop หรือ Drop-off เพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงลูกค้าได้จำนวนมาก

และครอบคลุมยิ่งขึ้น ต้นทุนลดลง อีกทั้งสอดคล้องกับแนวโน้มการปรับตัวรับการแข่งขันของผู้ประกอบการ Delivery ที่เห็นโอกาสประหยัดต้นทุนในการเปิดสาขาใหม่และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยมาร่วมเป็นพันธมิตรในเครือข่ายของ SBS” นายทิพย์กล่าว

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *