โดย เนื่องนที ฤกษ์เจริญ นักวิชาการอิสระด้านการเกษตร
ข่าวคราวเจ้าหน้าที่กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ สนธิกำลังกับด่านกักกันสัตว์ บุกตรวจสอบห้องเย็นเก็บซากสัตว์ กลางเมืองนครปฐม หลังได้รับร้องเรียนว่ามีการลักลอบนำเข้าซากหมูจากต่างประเทศมาเก็บซุกซ่อนไว้ หลังตรวจเจ้าหน้าที่เก็บซากสัตว์นำเข้าจากต่างประเทศ และซากสัตว์ไม่ทราบแหล่งที่มา รวม 3,703 กล่อง จำนวนทั้งสิ้น 59,089 กิโลกรัม ระบุข้างกล่องว่ามาจากโปแลนด์ เยอรมนี และชิ้นส่วนหมูที่ไม่ระบุแหล่งที่มาอีกจำนวนมาก
ภารกิจนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่า ขบวนการลักลอบนำเข้าหมูยังไม่หมดไปจากประเทศไทย และยังคงบ่อนทำลายชาติ สร้างความเสียหายให้กับประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่กลัวกฎหมาย ไม่เกรงโทษทัณฑ์ของแผ่นดิน มิหนำซ้ำ พวกที่รับช่วงไปขายต่อก็ยังโพสต์เสนอขายในเฟสบุ๊คและแอปฯไลน์แบบโจ่งแจ้ง เพราะตราบใดที่ภาครัฐยังจับไม่ได้ ยังมีคนซื้อ ก็ทำมาหากินบนความทุกข์ของคนไทยได้ต่อไป
ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐต้องเร่งขจัดขบวนการนี้ให้หมดไป ไม่เพียงแค่กรมปศุสัตว์ที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้และสามารถตรวจจับทลายได้หลายครั้งหลายคราเท่านั้น แต่หน้าด่านอย่าง “กรมศุลกากร” ผู้ที่ต้องทำหน้าที่ควบคุมทางศุลกากรเพื่อปกป้องสังคม และเศรษฐกิจชาติ ก็ต้องเร่งจัดการทลายขบวนการนี้ให้เร็วที่สุด อย่าให้หมูเถื่อนที่สำแดงเท็จเป็นสินค้าอื่น อย่างอาหารทะเลหรือวัตถุดิบอาหารสัตว์เลี้ยง กลายเป็นดาบสองคมที่บาดลึกทั้งประชาชนที่ต้องรับสารเร่งเนื้อแดง สารตกค้าง โรคที่ปนมาด้วย เกษตรกรไทยต้องหวาดหวั่นว่าจะได้รับโรคต่างถิ่น รวมถึงเสี่ยงกับโรค ASF ที่มากับหมูเหล่านี้ และเศรษฐกิจไทยต้องถูกกัดกินจากกลุ่มคนที่หวังทำลายชาติ
วันนี้จะเข้าถึงคนผิดทำไม่ยาก แค่เสาะหาแหล่งจำหน่ายผ่านเฟซบุ๊คก็มีให้เห็นถมเถ หรือแม้แต่จะสาวจากห้องเย็นที่กระทำผิด ไปให้ถึงผู้นำเข้าที่เป็นตัวการหลักของปัญหาก็ไม่น่ายาก ที่สำคัญต้องใช้กฎหมายจัดการ ทั้ง พรบ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557, พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558, พรบ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558, พรบ.ควบคุมการฆ่าเพื่อจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 และระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจัดการให้ถึงที่สุด
สรุปคือ “ต้องตรวจจริง จับจริง ลงโทษจริง” อย่าให้พวกบ่อนทำลายชาติเหิมเกริม คิดว่าภาครัฐไม่เอาจริงเอาจัง หรือเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ปล่อยให้คนผิดลอยนวล
——————————————–