71 ปี ม.เกริก เดินหน้าสานต่ออุดมการณ์ “การศึกษาสร้างคนให้องอาจ” พร้อมต่อยอดพัฒนามุ่งสู่ “University everywhere”

ศ.ดร.นพ.กระแส  ชนะวงศ์  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก เป็นประธานในพิธี งาน “วันรำลึก 45 ปี ดร.เกริก” ประจำปี 2566 และ เนื่องในโอกาสครบรอบ 71 ปี มหาวิทยาลัยเกริก  โดยมีการจัดพิธีเปิดหอประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยเกริก พร้อมด้วยกิจกรรมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่น และพิธีมอบทุนการศึกษาให้นักศึกษาโดยสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกริก มีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ ดร.เกริก มหาวิทยาลัยเกริก

         ศ.ดร.นพ.กระแส  ชนะวงศ์  อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกริก กล่าวว่า นี่เป็นอีกวันสำคัญที่ครู อาจารย์ นักศึกษา และศิษย์เก่า ของมหาวิทยาลัยเกริก ต่างพร้อมใจร่วมแสดงความมหากตัญญู เพื่อระลึกถึงคุณความดี ของอาจารย์ ดร.เกริก มังคละพฤกษ์ ผู้ก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเกริก ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่สร้างความภาคภูมิใจดังอุดมการณ์ ที่ว่า “การศึกษาทำให้คนองอาจ”  โดยการสืบสานเจตนารมณ์นี้เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องทำตามต่อไปและยังต้องต่อยอดในการพัฒนาเพื่อให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เราจึงต้องมีการปรับและเปลี่ยนแปลงในหลายๆเรื่อง รวมทั้งการเรียนการสอน

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยจะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนเดิม เช่นที่เคยมีเฉพาะ อาคาร ห้องเรียน ห้องสมุด โรงอาหาร ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ต้องปรับเป็น “University every where” เพราะ สิ่งแวดล้อม สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีต่างๆ มีความรวดเร็วขึ้นตามยุคสมัย คนรุ่นใหม่ก็อยากเรียนจบเร็วๆ และมองไปถึงอนาคตว่า เรียนแล้วจะประกอบอาชีพอะไร เลี้ยงตัวเองได้หรือไม่  ตรงนี้การศึกษาต้องตอบโจทย์ให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสากลที่ยูเนสโกพูดไว้นานแล้ว และมหาวิทยาลัยจะต้องเป็นหลักให้กับสังคม อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดทิศทางไว้ 4 ข้อ ได้แก่

   1. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยน ความรู้ ความคิด ความพยายาม ระหว่างประเทศ ปัญหาที่ท้าทายทุกวันนี้ คือ ความสามารถที่จะร่วมมือกันมหาวิทยาลัย อื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จุดแข็งของแต่ละมหาวิทยาลัย

   2. การวิจัย เพื่อนำไปสู่นวัตกรรม ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ทั้งในเชิงการบริหารจัดการ วิชาการ การรักษาประเพณี วัฒนธรรม

   3. การผสมผสาน การเรียนการสอนเก่งวิชาหรือเรื่องนั้นๆได้ แต่ต้องรู้และเข้าใจความหมายของบุคคลอื่น ต้องมีจิตสำนึกต่อสังคมสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ความเป็นบัณฑิตนั้นสมบูรณ์ขึ้น

   4. คุณธรรม ความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบต่อสังคมความมีน้ำใจต่อคนอื่น ความรู้จักให้ ความเสียสละ อย่ากลัวเสียเปรียบ และคุณธรรมที่วันนี้มหาวิทยาลัยเกริก อาจารย์ ลูกศิษย์ต่างๆทำก็คือ ความกตัญญูกตเวที เรื่องนี้สำคัญ แต่ต้องส่งเสริมให้ผู้ใหญ่ ครู อาจารย์ ผู้นำปฏิบัติและปฏิบัติ เพราะตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน มหาวิทยาลัยจะไปบอกว่าเรามีวิชาทันสมัย มีเทคโนโลยี มีเครื่องมือ เก่ง ไม่พอ

          นอกจากนี้ ยังมี 3 สถาบันเพื่อรองรับภาคธุรกิจ “One Belt One Road” ได้แก่

   1. Thai China ASEAN เพื่อศึกษาเส้นทาง ข้อมูลว่ามันคืออะไร เราจะได้/เสียอะไร ควรเตรียมตัวอย่างไร และจะเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง

   2. การจัดการภัยพิบัติ เพื่อให้ลูกศิษย์ที่เรียนจบออกไป ไม่ว่าประกอบอาชีพอะไรสามารถเข้าใจความหมาย การจัดการ หรือให้ช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ผู้ที่เป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเกริกต้องมีจิตใจทางสังคม

   3. พัฒนาภาวะผู้นำ คนที่มีภาวะผู้นำจะประสบความสำเร็จ ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องมีการสอน เชิงปฏิบัติ และลงปฏิบัติ         

       ด้าน นายดำรงศักดิ์  เกี้ยวเพ็ง รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ CEO Bangkok Anti-Aging Center ศิษย์เก่าดีเด่น กล่าวว่า “ ม.เกริก มีประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างยาวนาน ได้มาเรียนปริญญาตรี และปริญญาโทที่นี่ การเรียนการสอนของ ม.เกริก จะเน้นในเรื่องของ วิชาการและวิธีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถปรับใช้ในการบริหารธุรกิจ และเรื่องต่างๆ ทางสังคมด้วย

     “ผมคิดว่า ม.เกริกทำให้เราได้มีองค์ความรู้ที่สามารถเอาไปพัฒนาต่อยอดในเรื่องธุรกิจ เรื่องการใช้ชีวิตของเราได้จริง ทำให้เรามีอนาคตที่ดีประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แนะนำเลยครับ น้องๆ รุ่นหลังๆที่มีความสนใจหาสถานศึกษาต่อ พี่แนะนำ ม.เกริก ครับ”

        ดร.ศิลปชัย จันทร์มีศรี ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ) อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ศิษย์เก่าดีเด่น กล่าวว่า ม.เกริก มีหลักสูตรที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์ในการเปลี่ยนแปลง พัฒนา ราชการ หรือ พัฒนาประเทศชาติ สิ่งสำคัญก็คือ ม.เกริกมีหลักสูตรที่สามารถพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้สามารถเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ปัจจุบันตำแหน่งปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ ผมสามารถนำวิชาองค์ความรู้หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต ปริญญาเอก ไปใช้ในการบริหารงาน จัดการอำเภอของเราให้เกิดผลลัพธ์ต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถที่จะใช้ในกระบวนการต่างๆ ในการพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้า แล้วก็เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน

     “อยากฝากถึงน้องๆ ผู้ที่สนใจ ถ้าน้องอยากได้องค์ความรู้คู่คุณธรรม ให้น้องมาศึกษาที่ ม.เกริก ความรู้จะทำให้น้ององอาจ เกิดความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งน้องได้ศึกษาที่ ม.เกริกทำให้น้องสามารถนำไปต่อยอดอาชีพ แล้วก็ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ”

           ส่วน นายวสวรรธน์  พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทยรวมพลัง ศิษย์เก่าดีเด่น กล่าวว่า ม.เกริก นับว่าเป็นเป็นต้นตำรับของวิชาสื่อสารการเมือง มีบุคลากรที่เป็นปูชนียบุคคล มีอาจารย์หลายท่านเป็นทั้ง Mentor เป็นทั้ง Coach การมาเรียนที่นี่อาจารย์ไม่ใช่อาจารย์  อาจารย์เป็นแบบโค้ช อาจารย์จะมาบอกว่าเราควรทำอย่างไร แล้วมาฝึกฝนไปด้วยกัน โดยเฉพาะการสื่อสารต้องมีการฝึกฝนไม่ใช่เรียนแบบทฤษฎีแต่มีภาคปฏิบัติด้วย แล้วอาจารย์โดยเฉพาะอาจารย์นันทนา นันทวโรภาส เป็นอาจารย์เจ้าของหลักสูตรที่แรกเป็นต้นตำรับของสื่อสารการเมืองของประเทศไทยเลยก็มองว่าผมเลือกไม่ผิด คิดถูกแล้ว อาจารย์มีความเมตตา เป็นทั้ง Coach เป็นทั้ง Mentor ในการแนะแนวการสื่อสาร การทำการเมืองสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารให้กับพี่น้องประชาชนที่ดี สื่อสารมวลชนจะดีการเมืองดีด้วย การเมืองจะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่สื่อสารมวลชนด้วย 2 อย่างนี้ควบคู่กันไป

     “ผมมองว่า ม.เกริก สื่อสารการเมือง โดยเฉพาะอาจารย์นันทนา มีคุณูปการกับผมอย่างมาก ผมจะไม่มีวันลืม อยากจะเชิญชวนพี่ๆ หรือผู้ที่สนใจ เพื่อนๆ อยากเรียนการสื่อสารการเมือง ก็เชิญมาที่นี่ครับรับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ”

          ศ.ดร.นพ.กระแส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะผู้บริหารสถาบันการศึกษา และจากประสบการณ์ที่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน “อยากจะฝากถึงรัฐบาลใหม่ชุดใหม่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อยากให้เน้นถึงการศึกษาของชาวชนบท ก็คือ ส่วนที่เป็นอนาคตของประเทศไทยเช่นกัน เพราะจากที่เคยเป็นหมอในชนบทได้เรียนรู้จากการออกพื้นที่ในชนบททำให้เห็นถึงการขาดโอกาสทางการศึกษา และทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่  นี่เป็นเรื่องสำคัญ และในฐานะที่เป็นแพทย์โดยอาชีพและเป็นครูบาอาจารย์ในด้านการสาธารณสุข ก็ต้องยอมรับว่าการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้าพอสมควรเวลาเขายกย่องว่าการแพทย์เมืองไทยก้าวหน้า ผมก็ภูมิใจ อยากจะให้ผู้ที่มาบริหารบ้านเมืองลองหันไปสนใจเรื่องพวกนั้นให้มากพอๆกับเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเครื่องมือที่ทันสมัย ควรหันไปมองข้างหลังว่าเพื่อนร่วมชาติของเราที่เป็นคนส่วนใหญ่และเสียเปรียบคนบางกลุ่มมานานแล้ว หากได้รับประโยชน์ เข้าถึงการแพทย์ การดูแลสุขภาพของพ่อแม่ หรือลูกหลานได้เรียนหนังสือที่เหมาะสม จากทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันก็จะเป็นการดีต่อทุกคนและประเทศชาติมาก” ศ.ดร.นพ.กระแส กล่าวทิ้งท้าย

                                   ————————————–

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *