เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก ปั้นสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก ตั้งเป้าส่วนแบ่ง30%จากยอดขาย รวมที่270 ล้าน ในปี68

บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากสมุนไพรไทย ภายใต้แบรนด์ ชีววิถี, Sense, และ Sens’e ประกาศเป้าหมายยอดขาย 270 ล้านบาทในปี 2568 พร้อมเดินหน้าส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่ด้านสิ่งแวดล้อมไปจนถึงการสร้างโอกาสให้ชุมชนผ่านคอร์สพัฒนาทักษะอาชีพที่หลากหลาย ณ ศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี

            นางอรประภา พรมรังฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายความร่วมมือกับสถานศึกษา กลุ่มชุมชน และหน่วยงานราชการทั่วประเทศ โดยศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีฯ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสนับสนุน CSR และพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้ตั้งแต่หลักเศรษฐกิจพอเพียง การใช้สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ไปจนถึงคอร์สพัฒนาทักษะอาชีพ โดยเรียนฟรี เช่น การทำเครื่องดื่มสมุนไพร เบเกอรี่และขนมไทย งานมัดย้อม eco print ธาตุเจ้าเรือน การแต่งหน้าพัฒนาบุคลิกภาพ และการใช้เครื่องมือออนไลน์เพื่อส่งเสริมการขาย

            “ในปี 2567 ศูนย์การเรียนรู้ของเราได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมทั่วประเทศมากถึงประมาณ 100,000 คน และในปี 2568 เราเชื่อมั่นว่ายอดผู้เข้าชมจะทะลุเกินหลักแสนคนอย่างแน่นอน เนื่องจากเราได้พัฒนาและปรับปรุงคอร์สเรียนให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น” นางอรประภา กล่าว

            นางอรประภา  กล่าวต่อว่า บริษัทยังมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องและได้ร่วมกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยให้ตอบโจทย์ตลาดโลก โดยมีผลิตภัณฑ์เด่นที่คว้ารางวัลทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ทรีทเม้นท์บำรุงผมมะพร้าว รางวัลธุรกิจสมุนไพรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2564  เซรั่มรังไหม ได้รับรางวัลเหรียญทองจากงานประกวดสินค้านวัตกรรมโลก ประเทศโปแลนด์  และครีมนวดส้นเท้าแตกสูตรกล้วยหอม คว้ารางวัลเหรียญทอง จากการประกวดสินค้านวัตกรรมและจัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติ  ประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้ โดยมีเป้าหมายการเพิ่มรายได้จากต่างประเทศให้ได้ถึง 30% ในปี 2568 บริษัทมุ่งพัฒนาสินค้าและการรับจ้างผลิต (OEM) โดยปัจจุบันแบรนด์ชีววิถีมีสินค้าวางจำหน่ายในกว่า 20 ประเทศ เช่น กัมพูชา พม่า มาเลเซีย ฮ่องกง จีน เยอรมนี ดูไบ และซาอุดีอาระเบีย รวมถึงตลาดชั้นนำในประเทศ เช่น ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น บิ๊กซี  ซีเจ เดอะมอลล์  โลตัส และท็อปส์มาร์เก็ต นอกจากนี้ ยังมีร้านจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอง 4 สาขา ได้แก่ ตลาดนัดจตุจักร ศูนย์การค้าแพลตินั่ม  ห้างโกรเซอรี่ จังหวัดภูเก็ต และที่ศูนย์เรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในพื้นที่และนักท่องเที่ยวได้อย่างครบวงจร 

            “แม้เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความท้าทาย แต่ความต้องการผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ยั่งยืนและปลอดภัยยังคงเติบโต ธุรกิจของเราไม่ได้มุ่งเพียงตัวเลขยอดขาย แต่เน้นการสร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว” นางอรประภา กล่าว และย้ำว่า บริษัทจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตไปพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

                                              ———————————————–

You May Also Like

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *